งานออกแบบและงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป แต่ยังมีศักยภาพในการนำไปใช้ในงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมด้านวัสดุ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์แบบเบาๆ หรือชิ้นส่วนตกแต่งที่ต้องการความซับซ้อนในเชิงการออกแบบ ด้วยการที่ไม้ mdf สามารถตัด เจาะ และแกะสลักได้อย่างง่ายดาย รวมถึงความสามารถในการนำไปขึ้นรูปตามต้องการ ทำให้มันเป็นวัสดุที่ถูกเลือกใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียดอ่อนและการออกแบบที่ซับซ้อนสูง เช่น งานตกแต่งภายในโรงแรม ร้านค้า หรือโชว์รูม ที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์หรือชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของไม้ mdf คือ

ความสม่ำเสมอของโครงสร้างวัสดุ ซึ่งต่างจากไม้ธรรมชาติที่มักมีลวดลายเส้นใยหรือปมไม้ที่ทำให้การตัดแต่งและประกอบงานมีความยากลำบากมากขึ้น ในขณะที่ไม้ mdf มีเนื้อวัสดุที่เรียบเนียนและสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น ทำให้การตัดหรือเจาะรูในจุดต่างๆ ของไม้ทำได้อย่างแม่นยำและสะดวกสบาย อีกทั้งยังไม่มีปัญหาเรื่องปมไม้ที่อาจส่งผลต่อความแข็งแรงของชิ้นงานเมื่อทำการเจาะหรือยึดติดกับชิ้นส่วนอื่น

สำหรับผู้ที่ต้องการงานออกแบบที่ดูหรูหราและมีสไตล์ แต่ไม่ต้องการใช้วัสดุที่มีราคาสูง เช่น ไม้โอ๊คหรือไม้สัก ไม้ mdf ถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม เพราะสามารถตกแต่งผิวหน้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบด้วยฟิล์มลายไม้จริง การทาสีแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งการใช้เทคนิคเคลือบเงาหรือเคลือบด้านเพื่อเพิ่มความสวยงามและความรู้สึกพิเศษให้กับชิ้นงานได้ ทั้งนี้การตกแต่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยปกป้องผิวหน้าของไม้ mdf ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และทนต่อการเสียดสีหรือคราบสกปรกได้มากขึ้นด้วย

อีกทั้งไม้ mdf ยังเป็นวัสดุที่สามารถผสมผสานเข้ากับวัสดุอื่นๆ

ได้อย่างกลมกลืน เช่น การใช้ร่วมกับเหล็ก กระจก หรือหิน เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีความหลากหลายในด้านการออกแบบและการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำโต๊ะทำงาน ชั้นวางของ หรือแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความแข็งแรงแต่ยังคงความสวยงามไว้ เช่น เคาน์เตอร์ในห้องครัวหรือโต๊ะรับประทานอาหาร การใช้ไม้ mdf ร่วมกับวัสดุอื่นๆ ช่วยให้คุณสามารถออกแบบและสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีทั้งความทนทานและความหรูหราในชิ้นเดียว ไม้ mdf ยังเหมาะสำหรับการใช้ในงานเสียง เช่น การทำลำโพงหรือตู้เก็บเสียง เนื่องจากไม้ mdf มีคุณสมบัติที่สามารถดูดซับเสียงได้ดี ทำให้เสียงที่สะท้อนออกมามีความนุ่มนวลและไม่เกิดการสะท้อนกลับมากจนเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในงานด้านวิศวกรรมเสียงและงานออกแบบห้องที่ต้องการการควบคุมเสียงภายใน เช่น ห้องประชุม หรือห้องซ้อมดนตรี ความสามารถในการป้องกันเสียงนี้ยังทำให้ไม้ mdf ถูกนำไปใช้ในงานกั้นห้องหรือทำแผ่นกันเสียงในอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยเช่นกัน ด้วยความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับงานหลากหลายประเภท ไม้ mdf ได้กลายเป็นวัสดุที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดทั้งในด้านอุตสาหกรรมการผลิต งานตกแต่งภายใน และงานออกแบบที่มีความซับซ้อนและต้องการความสวยงาม นอกจากความคุ้มค่าในแง่ของต้นทุนแล้ว